การท่องเที่ยวหลายคนอาจจะนึกภาพถึงท้องทะเลสีฟ้าคราม, ผืนป่ากว้างใหญ่, ทุ่งดอกไม้สีสันสวยงามสุดลูกหูลูกตา, น้ำตกสายใหญ่เล่นอย่างสบายใจ หรือแม้จะเป็นถ้ำที่เต็มไปด้วยหินงอก หินย้อย ความลึกลับของธรรมชาติ ฯลฯ คำถามก็คือว่าหากชุมชนของเราไม่มีแบบนั้น เราจะสามารถสร้างชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ได้หรือไม่ ต้องมาดูคำตอบที่ชุมชนบ้านนาต้นจั่นแห่งนี้ง ชุมชนบ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย ชุมชนบ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย ต้องบอกว่าเดิมทีก็เป็นเพียงแค่ชุมชนเล็กที่พบเห็นได้ทั่วไปในภาคกลางของประเทศไทย แต่คุณแม่เสงี่ยมได้มีแนวคิดจะสร้างสรรค์ให้ชุมชนมีรายได้เข้ามาเพื่อต้องการจะดึงลูกหลานไปทำงานเมืองใหญ่ให้กลับมาบ้านดูแลกันเหมือนเดิม จึงเกิดการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และ ธุรกิจโฮมสเตย์ขึ้นมา ธีมการท่องเที่ยวชุมชนบ้านนาต้นจั่นนั้น พวกเค้าจะขายความเป็นชุมชนที่เรียบง่าย ขายความเป็นมา และที่สำคัญพวกเค้าขายความเป็นวิถีชีวิตชุมชนที่เรียบง่าย เป็นทางเลือกให้กับใครก็ตามที่เบื่อหน่ายอยากจะหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง ทิ้งทุกอย่างไว้ตรงนั้นสักพัก แล้วมานอนที่กระท่อมไร่ปลายนา รับลมเย็นมองไปเห็นท้องทุ่งสีเขียวสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับรับประทานอาหารท้องถิ่น และซื้อของที่ระลึกกลับบ้าน แค่นี้เอง โฮมสเตย์แบบ โฮมสเตย์จริงๆ สำหรับโฮมสเตย์ หลายแห่งไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าไปแล้วมันไม่ใช่โฮมสเตย์จริง แต่เป็นรีสอร์ตที่เอาคำว่า โฮมสเตย์มาหลอกขายนักท่องเที่ยวมากกว่า แต่ไม่ใช่กับชุมชนแห่งนี้ บ้านโฮมสเตย์นี่เป็นบ้านสำหรับโฮมสเตย์จริง ด้านหนึ่งมีการรับรองตามมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยที่มีการตรวจสอบเป็นระยะ บ้านโฮมสเตย์ก็เป็นบ้านของชุมชนจริงๆทำให้เรารู้สึกว่า เราได้นอนบ้านที่เป็นโฮมสเตย์ของชุมชนจริง นอนแล้วให้อารมณ์เหมือนไปนอนบ้านญาติของเพื่อนเวลาไปต่างจังหวัด อาหารท้องถิ่นประจำชุมชน ไปถึงที่นั่นทั้งที เราต้องมองหาอาหารประจำถิ่นก่อนเลย สำหรับที่นี้อาหารที่เราไม่อยากให้พลาด นั่นก็คือ ข้าวเปิ๊บ มันคือการเอาข้าวสารมาโม่ด้วยหิน แล้วกรองด้วยผ้าขาวจนกลายเป็นแป้งเปียกข้น เอาแป้งไปทำคล้ายกับข้าเกรียบปากหม้อ พอจะสุกจะใส่เครื่องลงไปมีวุ้นเส้น ผักบุ้ง ผัง แล้วก็อบให้สุก จากนั้นพับแป้งใส่ไข่ ตักใส่ชาม บอกเลยว่าอร่อยมาก หรือจะไปกินเมนูอื่นที่พัฒนามาจากข้าวเปิ๊บก็ได้ เปิดประสบการณ์การกินอีกหน้าหนึ่งของเราเลย สะพานไม้กลางทุ่งนา มาถึงจุดท่องเที่ยว เช็คอิน ถ่ายรูป เดินพักผ่อนของชุมชนแห่งนี้แล้ว นั่นก็คือ สะพานไม้กลางทุ่งนา สะพานไม้ที่ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นที่รองทางเดินยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร ระหว่างทางเราจะได้เดินผ่านทุ่งนาสีเขียวสุดลูกหูลูกตา จะถ่ายรูปเดินเล่น หรือ นั่งห้อยขามองชีวิตเดินผ่านไปอย่างช้าๆก็ดีเหมือนกัน แนะนำว่าควรไปช่วงเวลาเย็นจะไม่ร้อน เดินได้จนสุดท้าย อีกทั้งช่วงแสงจากตะวันตกดินหามุมให้ดีภาพจะสวยงามมาก ผ้าหมักโคลน มาถึงอีกหนึ่งของดีประจำถิ่นของที่นี่ นั่นก็คือ ผ้าหมักโคลน ซึ่งกระบวนการทำก็ตามชื่อเลย เค้าเอาผ้ามาหมักกับโคลนเพื่อให้ผ้านิ่มขึ้น แล้วเอาไปย้อมทับสีตามต้องการ ทำให้ได้ผ้าทั้งนิ่มและมีสีสันสวยงามตามต้องการ เราจะได้เข้าไปชมถึงกระบวนการทำงานของชาวบ้านที่นี่ตั้งแต่การหมักเลย แนะนำว่าไปถึงแล้วอย่าลืมซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันมาด้วย สัก…
Read MoreAuthor: admin
ชุมชนบ้านบางพลับ จ.สมุทรสงคราม หนึ่งอีกสถานที่ที่น่าอยู่
ประเทศไทยของเรานี่เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติบอกเลยว่าทั้งเยอะและหลากหลายมาก แต่อีกด้านหนึ่งหลายชุมชนก็ชูเรื่องความสวยงามทางด้านวัฒนธรรมประเพณีที่ไม่เหมือนใครเพื่อเชื้อเชิญให้คนมาท่องเที่ยวด้วยเหมือนกัน หรือ บางชุมชนอาจจะเปิดบริการเป็นโฮมสเตย์เพื่อให้นักท่องเที่ยวลองเปลี่ยนบรรยากาศในชีวิตมาเที่ยวอะไรที่แปลกออกไปด้วยเหมือนกันวันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักอีกหนึ่งชุมชนน่าท่องเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย เหมาะสำหรับทริปเสาร์อาทิตย์อย่างมากทีเดียว ชุมชนบ้านบางพลับ จังหวัดสมุทรสงคราม สำหรับชุมชนที่ว่านี้ก็คือ ชุมชนบ้านบางพลับ จังหวัดสมุทรสงคราม ชุมชนแห่งนี้ชูจุดเด่นเรื่องวิถีชุมชนที่ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้อย่างแนบเนียนจนเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากแล้วในยุคสมัยดิจิตอลแบบนี้ อีกทั้งสภาพแวดล้อมในชุมชนก็โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม เงียบสงบ เหมาะสำหรับการไปเปลี่ยนบรรยากาศการใช้ชีวิตที่หลีกหนีแสงสีเข้าไปหาธรรมชาติกันบ้าง อีกทั้งยังเป็นการฟอกปอดให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์เสียบ้าง หลังจากสูดดม ควันพิษ ไอเสีย และฝุ่น มานาน กิจกรรมน่าสนใจของชุมชน การไปเที่ยวในชุมชนแห่งนี้ กิจกรรมของพวกเค้าอาจจะดูธรรมดามาก ถ้าดูจากชื่อ แต่หากได้ลองทำนะบอกเลยว่ามันจะสร้างความประทับใจให้กับเราไปอีกนานเลย ยิ่งเด็กๆที่สมัยนี้พวกเค้ามีสมาร์ทโฟนเล่น จนลืมวิถีชีวิตการเล่นแบบเด็กไปหมด คงจะดีหากพวกเค้าได้วางสิ่งของเหล่านั้นลงแล้วกลับมาเล่นอะไรที่เป็นเด็กๆเค้าเล่นกันจริง กิจกรรมก็จะมีการเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนที่เพาะปลูก ดูแล จนถึงตัดแต่งขายส้มโอเป็นหลัก จากส้มโอที่เรากินกันเป็นประจำ ลองไปดูกันว่า ส้มโอมีที่มาที่ไปอย่างไร ปลูกอย่างไร จนถึงขั้นปอกเปลือกส้มโอออกมา สองกิจกรรมแปรรูปผลไม้ ที่จะเป็นการทำกิจกรรมเวิร์คช็อปสนุกของการดัดแปลงผลไม้ในท้องถิ่นตามฤดูกาล สามทำลูกชุบขนมไทยที่ได้ทั้งความอร่อย สีสัน และความคิดสร้างสรรค์มาพร้อมกัน กิจกรรมทำว่าวเล่นว่าว กิจกรรมการละเล่นที่หาดูได้ยากมากในเมืองใหญ่ มาคราวนี้เราจะพาเด็กๆมาวิ่งว่าวกัน รับรองว่าสนุกไม่แพ้การเล่นโทรศัพท์แน่นอน กิจกรรมทำน้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลสูตรพิเศษที่มักจะเอาไปใส่กับขนมหวาน ทำให้เกิดรสชาติ หอม หวาน มัน ครบรสแบบที่น้ำตาลอื่นๆให้ไม่ได้เลย รวมถึงกิจกรรมสำรวจอีกมากมาย ซึ่งน่าจะทำให้เด็กๆสนุกสนานสร้างความประทับใจได้ดีทีเดียว โดยการไปเที่ยวชุมชนนี้สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี พักไหนดี หากเราจะไปเที่ยวชุมชนแห่งนี้ เอาจริงๆเราแนะนำว่าไปทั้งทีเอาให้สุดไปเลย พักโฮมสเตย์ไปเลยดีกว่า บ้านพักโฮมสเตย์ของที่นี้บอกเลยว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด บ้านพักมีการทำความสะอาดอย่างดีแถมยังปลูกได้สอดคล้องกับธรรมชาติรอบบ้านอีกต่างหาก ส่วนด้านในเครื่องอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานมาครบเลย น่าไปพักมาก แต่ถ้าหากใครไม่ถนัดแนวนี้ ก็มีรีสอร์ต และโรงแรมให้บริการอยู่ ราคาก็ถูกแพงตามลำดับของตัวรีสอร์ตเอง สถานที่ท่องเที่ยว นอกจากจะไปเที่ยว สัมผัสวิถีของชุมชนแล้ว อีกหนึ่งอย่างไม่อยากให้พลาด คือ สถานที่ท่องเที่ยวที่บอกเลยว่า งานดีมาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดน้ำอัมพวา สัมผัสวิถีชีวิตคนริมน้ำ ของกินเล่น อาหาร ที่หากินได้ยากมาก ค่ายบางกุ้ง อุทยานรัชกาลที่ ๒ และ ตลาดร่มหุบ ตลาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปในระดับโลกเลย ไปสัมผัสตลาดที่อยู่บนหมอนรถไฟกันเลยว่ามันเป็นอย่างที่เค้าว่าหรือไม่ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับชุมชนที่ควรไปสักครั้ง
Read Moreชุมชนเกาะกลาง จ.กระบี่ ชุมมุสลิมที่แสนจะน่ารัก
คนกรุงเทพหลายคนบางครั้งยอมรับตามตรงว่าไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดที่อยู่ภาคอื่นมากนัก เนื่องจากไกลและใช้เวลาเดินทางเยอะเลย ยิ่งทางภาคใต้หลายคนไม่ค่อยได้ไปเท่าไร แต่วันนี้เราจะมาแนะนำอีกหนึ่งชุมชนที่น่าไปเที่ยว ไปใช้ชีวิต ไปอยู่พักผ่อนสักระยะหนึ่งเลยทีเดียว นั่นคือชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ ชุมชนแห่งนี้มีอะไรบ้าง ชุมชนชาวใต้ แบบเงียบสงบ เชื่อว่าใครหลายคน คงรู้สึกเหนื่อยหน่าย เบื่อ เซ็ง กับชีวิตที่เร่งรีบอยู่ตอนนี้ ยิ่งคนกรุงเทพ หรือ คนที่ทำงานเมืองใหญ่ด้วยนะ จะยิ่งรู้สึกเลยว่า ชีวิตมันน่าเบื่อและน่าเบื่อมากทีเดียว บางครั้งก็อยากหนีความวุ่นวายของเมืองหลวง ไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ ราบเรียบ ไม่มีอะไรที่ต้องบีบคั้นอะไรมากอารมณ์ประมาณหนีไปนั่งโง่ๆริมทะเลนั่นแหละ ชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามสเปคที่ว่ามา เวลาไปเที่ยวหากตั้งต้นจากตัวเมืองกระบี่จะต้องนั่งเรือข้ามไปสักประมาณ 10 นาทีก็ถึง กิจกรรมออกเรือตามชาวเล ไปถึงภาคใต้แบบเข้าวิถีชุมชนทั้งที ก็ต้องเรียนรู้กันให้ถึงแก่นของวิถีชีวิตของพวกเค้ากันเลย สิ่งที่หล่อเลี้ยงพวกเค้านั่นก็คือ การล่องเรือไปในทะเลเพื่อจับสัตว์น้ำมาประทังชีวิต หากเราไปเที่ยวแบบโฮมสเตย์ เราสามารถไปล่องเรือกับชาวเลได้เลย ไปดูว่าเค้าจับปลา จับปู จับหอยกันอย่างไร ไม่เท่านั้น ยังได้ไปเรียนรู้การทำผ้าปาเต๊ะซึ่งถือว่าเป็นผ้าพื้นเมืองที่สำคัญของภาคใต้ได้ เป็นของที่ระลึกสำหรับทริปนี้ให้กับตัวเอง หรือ จะเอาไปฝากใครที่บ้านก็ได้เหมือนกัน อีกอันหนึ่งถ้ามีเวลา น่าจะไปลองทำเรือหัวโทงจำลอง เป็นโมเดลเรือของทางภาคใต้ที่ย่อส่วนลงมาให้เราได้ทำกันเป็นของที่ระลึก น่าจะเก็บมาสักชิ้นเอาไว้วางโชว์ที่บ้าน จะได้ระลึกถึง นั่งรถรอบเกาะ เอาจริงชุมชนเกาะกลาง ก็ไม่ได้เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่มากนัก เรียกว่า เดินไม่เท่าไร ก็ครบทั่วทั้งเกาะแล้ว แต่หากไปกันเป็นกลุ่มสัก 3-5 คน เราแนะนำว่าควรเลือกนั่งรถบริการรอบเกาะดีกว่า เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกด้วย อีกทั้งไม่ร้อนมาก แถมคนขับรถเค้ารู้จักเส้นทางอย่างดี ทำให้การชมเมืองของเราได้ทั่ว ครบ ไม่หลงทิศ หลงทาง ไม่แน่เค้าอาจจะมีการแนะนำจุดท่องเที่ยว จุดถ่ายรูปที่เราอาจจะไม่เคยเห็นก็ได้ ร้านดี ร้านเด็ด ต้องลองกิน จังหวัดกระบี่เรื่องของความอุดมสมบูรณ์ น้ำท่า ข้าวปลาอาหาร ถือว่าไม่แพ้ใครเหมือนกัน ไปถึงตรงนั้น บอกเลยว่าใครเป็นนักกินซีฟู้ดอย่าได้พลาดเลย มีร้านอาหารอร่อยเว่อร์เพียบ ร้านอาหารท้องถิ่นแบบนี้เราจะได้กินอาหารที่เป็นอาหารปักษ์ใต้แบบของจริง เผ็ดจริง เครื่องพริก เครื่องแกง ถึงมาก หากให้เราบอกชื่อร้านมาสักแห่งจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปอ่านรีวิว จัดไปที่ร้านขนาบน้ำวิวซีฟู้ด มาพร้อมกับเมนู น้ำพริกกุ้งเสียบทานคู่กับผักสด ตามด้วยแกงพื้นบ้านที่ใส่เนื้อปลามาแบบสดๆใหม่จากกระชังเลย…
Read More